วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

เซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาทะเล


        ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาทะเล
     เมนูอาหารจานเดียว แถมง่ายนิดเดียวอีกแล้วค่ะ เซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาทะเล เป็นเมนูอร่อยที่ไม่ต้องคิดเยอะ แต่ทำแล้วถูกใจคนในครอบครัว เพราะสีสันที่ดูน่าทาน รสชาติเผ็ดจัดจ้านแบบครบรส (ตามความต้องการของแต่ละคน) ถ้าต้องการทำผัดขี้เมาทะเลแบบนี้ให้เด็กๆทานกัน ก็แค่ลดปริมาณพริกขี้หนูและพริกไทยลงก่อน แล้วเพิ่มสีสันด้วยพริกหวานเข้าไปอีกหน่อย เราก็จะได้เมนูผัดขี้เมาที่เหมาะสำหรับทุกคนในครอบครัวแล้วค่ะ

เซี่ยงไฮ้

   วัตถุดิบ/เครื่องปรุง ก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาทะเล

วัตถุดิบของเราวันนี้ เป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ชนิดแห้ง หรือใครสะดวกใช้แบบสดที่มีขายในตลาดสดทั่วไปก็ได้ค่ะ แต่โดยส่วนตัวเราไม่ค่อยชอบ เพราะตัวแป้งมักจะหนาเกินไป เมื่อนำมาปรุงอาหารแล้ว รสชาติของเครื่องปรุงอาหารซึมเข้าไปในเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ยากค่ะ ส่วนใครจะชอบเส้นเซี่ยงไฮ้แห้งแบบไหนลองเลือกดูค่ะ แบบธรรมดา แบบหยก หรือแม้กระทั่งผสมสาหร่ายทะเลก็มีให้เลือกซื้อเหมือนกันค่ะ

ขี้เมาทะเล

วิธีทำ
1. นำเส้นก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้แบบแห้งที่เตรียมไว้ มาแช่น้ำสะอาดจนนิ่มค่ะ หรือใครมีเวลาน้อย  ก็ต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาเส้นลงแช่ ใช้เวลาแป๊บเดียว ก็นำมาปรุงอาหารได้เลยค่ะ
2. เตรียมเครื่องเทศทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น พริก เนื้อกุ้งสด ใบกระเพา กระเทียม เละ น้ำปลา น้ำตาล หรื อจะคนอร์ ไปเลยก็ได้ค่ะ จะได้ไม่ต้องเตรียมหลายอย่างค่ะ แล้วแต่ใครจะชอบ หรอ ถนัดแบบไหนค่ะ


ผักโขม(แดง)อบชีส



  เมนูนี้ได้ ผักโขม สดๆ ที่เกิดจากน้ำใจงามๆของเพื่อนจากห้องต้นไม้ในพันทิพย์ค่ะ เป็นเมล็ดผักโขมแดง นำมาเพาะจนได้ผักโขมแดงสดๆปลอดสารพิษ พอโตได้ที่จึงได้ผลผลิตเป็นเมนูผักโขมแดงอบชีสอย่างที่เห็นนี่แหละค่ะ ถ้าใครอยากรู้วิธีทำตามมาดูกันทีละขั้นตอนเลยค่ะ

  ผักโขมแดง ผักโขมเขียว ปวยเล้ง เป็นผักที่ทานสดไม่ได้นะคะ ต้องต้ม หรือผัดก่อนรับประทาน จะเอามาลวกทานกับน้ำพริก หรือเอาไปผัดน้ำมันหอยก็อร่อยค่ะ แต่ใครหาผักโขมแดงในตลาดได้ยากนี่ไม่ต้องแปลกใจนะคะ เพราะเราเองก็ไม่ค่อยจะเห็นใครขายเหมือนกันค่ะ สงสัยว่าความนิยมในการกินผักชนิดนี้ยังมีไม่มากเท่าไหร่ เพราะสีของผักที่คุ้นเคยจะเป็นสีเขียวๆ เสียส่วนมาก พอเห็นสีแดงๆ ก็เลยไม่ค่อยอยากจะลองทานกันมั้งคะ แต่เมนูวันนี้ของเราอาจจะทำให้ใครหลายๆ คนเปลี่ยนใจได้ ถ้าใครเห็นรูปแล้วน้ำลายไหล รีบมาดูวิธีทำกันเลยดีกว่าค่ะ
   ผักโขม

ผักโขม2

1. สิ่งที่ต้องเตรียมค่ะ ผักโขมแดง ถ้าไม่มีก็เปลี่ยนเป็นผักโขมเขียวหรือปวยเล้งก็ได้ค่ะ แต่ถ้าใน 1 วันเรารับประทานผักได้ 5 สีก็ยิ่งดีค่ะ ไม่ต้องไปซื้ออาหารเสริมสกัดจากผัก 5 สีมาทานให้เปลืองเงิน
2. นำผักโขมไปต้มก่อนนะคะ แล้วบีบเอาน้ำออกให้เปียกพอหมาดๆค่ะ
3. ซื้อมาขูดเอง ใส่ได้เยอะจุใจเชียวแหละค่ะ
4. ถ้ากลัวคลอเรสเตอรอลสูง สามารถใช้น้ำมันมะกอก แบบ Extra Vergin ได้ค่ะ
5. เริ่มลงมือค่ะ ตั้งกะทะ ไฟปานกลาง ใส่เนยสดรอให้ละลาย
6. พอเนยละลายหมดแล้วใส่หอมใหญ่ลงไปผัด
7. ผัดจนหอมใหญ่สุกจึงใส่แฮมค่ะ
8. ผัดจนแป้งสุก ใส่ครีมสด หรือนมสดลงไปผัดต่อ
9. ส่ผักโขมที่ต้มสุกแล้วลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง
10. ตักใส่ถ้วยที่สามารถขไเข้าอบในเตาไฟฟ้า หรือฝาอบลมร้อนได้

หอยแมลงภู่อบชีส



    หอยแมลงภู่อบชีส  มาแล้วค่ะ หอยแมลงภู่อบชีสที่ครัวหมูหมูนจะนำเสนอวันนี้ เป็นเมนูที่ทำง่ายใช้เวลาน้อยแต่ดูน่ารับประทาน เหมาะกับงานเลี้ยงเล็กๆในครอบครัว หรือปาร์ตี้เล็กๆกับเพื่อนฝูง เราเลือกใช้ หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ ตัวใหญ่ๆมาอบชีสค่ะ เพราะความใหญ่ของหอยแมลงภู่จะทำให้เมนูอร่อยของเราดูน่ากินขึ้นอีก เหมาะกับโอกาสต่างๆ เช่น วันเกิด วันครบรอบ หรือวันเกิดอยากจะทานก็ไม่ผิดอะไร ^^ ลองมาดู วิธีทำหอยแมลงภู่อบชีส กันก่อนค่ะ แล้วจะบอกว่า อู้หู! ง่ายจัง ^^
   เมนูนี้เวลาไปทานตามร้านอาหาร เมนูนี้จะมีราคาแพง เพราะวัตถุดิบมาจากต่างประเทศ (หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์) แต่เดี๋ยวนี้ตามซุปเปอร์มาร์เก็ตใหญ่ๆ จะมีวัตถุดิบมากมายให้เราเลือกซื้อแล้ว เรียกว่าเข้าไปที่เดียวได้ครบทุกอย่าง ถ้าเรารู้จักเลือกซื้อ รู้จักเปรียบเทียบราคา เราก็จะได้ของดีราคาไม่แพง
   เช่น ซื้อชีสมาทำอาหาร ซื้อตามซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มีราคาแพง แต่เราใช้ปริมาณน้อย ก็ต้องซื้อไป เพราะชีสเก็บนานๆไม่ได้ ซื้อเยอะก็เสียทั้งเงิน เสียทั้งของ แต่ถ้าต้องการใช้ปริมาณเยอะ ก็เข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตแบบขายส่ง  เราก็จะได้วัตถุดิบราคาถูกลง
New Zealand mussels baked with cheese

ส่วนผสมของ หอยแมลงภู่อบชีส

ส่วนผสม (สำหรับ 5 – 6 ที่)

  •  หอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ 10 ตัว
  •  เนยสดชนิดเค็ม  3 ช้อนโต๊ะ
  •  พาร์สลียืสับละเอียด 1 ช้อนโต๊ะ
  •  กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
  •  เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
  •  พริกไทยป่น 1/2ช้อนชา
  •  มอซซาเรลลาชีสขูด1/2 ช้อนชา
  •  ผักสลัดใบเล็กสำหรับตกแต่งตามชอบ

วิธีทำ

  1. เปิดเตาอบเตรียมไว้ (เพื่อเป็นการวอร์มเครื่องให้ได้ความร้อนไว้ก่อน)
  2. เตรียมหอยแมลงภู่โดยแกะเปลือกด้านใดด้านหนึ่งออก? พักไว้
  3. ผสมเนยสด? พาร์สลีย์? กระเทียม? เกลือ? และพริกไทยป่นเข้าด้วยกัน
  4. ตักส่วนผสมในข้อ 3? ใส่ลงบนเนื้อหอย? โรยมอซซาเรลลาชีสให้ทั่วทำเช่นนี้จนหมดแล้วเรียงหอยลงไปในถาด? นำเข้าไปอบประมาณ? 20? นาที
  5. ยกออกจากเตา? จัดใส่จาน? ตกแต่งด้วยผักสลัดใบเล็ก? เสิร์ฟได้ทันที

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

สตูว์ไก่เขมร:สูตรอาหารกัมพูชา



     สตูว์ไก่เขมร เป็นอาหารของชาวกัมพูชา ที่ฮิตและนิยมทานกันมาก เนื่องจากเครื่องเทศที่ปรุงรสได้เข้าถึงเนื้อไก่อย่างยอดเยี่ยมทำให้มีรสชาตหวานๆอร่อยๆแถมหอมยั่วน้ำลายชวนน่าทานอีกด้วยค่ะ วันนี้แอดมินนำสูตร วิธีทำ และส่วนประกอบมาบอกให้เพื่อนๆได้นำไปลองทำกันค่ะ

สูตเขมร

Ragu sach moan.
สตูว์ไก่เขมรได้รับอิทธิพลจากฝรั่งเศส มีรสชาติอร่อยและทำง่าย เป็นหนึ่งในอาหารที่ได้รับความนิยมในโอกาสใหญ่ เช่นงานแต่งงาน หรืองานเลี้ยงรวมญาติ

ส่วนประกอบ:
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 กลีบ
หัวหอมใหญ่หั่นบางๆ 1 หัว
เนื้อไก่ ½ กิโลกรัม
เกลือ ½ ช้อนชา
ซอสถั่วเหลือง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย ½ ช้อนโต๊ะ
พริกไทยดำ ¼ ช้อนชา
มันเทศปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นใหญ่ 5 หัว
แครอทหั่นเป็นชิ้น 1 หัว
ผักดองหวาน ½ ถ้วยตวง
เห็ดปุ่ม 1 กระป๋อง
ถั่วหวานแช่แข็ง 1 ถ้วย
ซอสมะเขือเทศ 1 กระป๋อง
น้ำ 2 ถ้วย
ใบกระวาน 1 หยิบมือ

ขั้นตอน :
1.ตั้งหม้อให้ร้อน ใส่น้ำมัน, หัวหอม, กระเทียมและไก่ ผัดจนสุก
2.ปรุงรสด้วยเกลือ ซอสถั่วเหลือง น้ำตาล และพริกไทยดำ
3.ใส่มันฝรั่ง, แครอท, ผักดองหวาน, เห็ด, ถั่ว, ซอสมะเขือเทศและใบกระวาน ต้มจนเดือด ยกลง
เสิร์ฟขณะร้อนกับขนมปังฝรั่งเศส


ขนมจีนพม่า:สูตรอาหารพม่า



   Mohinga หรือ ขนมจีนพม่า ที่หน้าตาน่าทาน แถมรสชาติเด็ดสาระตี่มากค่ะเป็นเมนูที่ขึ้นชื่อมากในประเทศพม่าเลยค่ะใครมาแล้วไม่ทานแสดงว่ามาไม่ถึงพม่าค่ะ หรือถ้าใครอยากได้สูตรไปทำก็มีมาให้ครบเลยค่ะวันนี้ทั้งส่วนประกอบและขั้นตอนการทำคะ เรามาเตรียมวัตถุดิบแล้วลงมือทำกันเลยค่ะ

ขนมจีนพม่า

ส่วนประกอบ :
น้ำมันพืช 3 ช้อนโต๊ะ
หอมใหญ่ขูด 1 หัว
กระเทียมกานพลูบด 4 ช้อนชา
ขิงสดขูด 4 ช้อนชา
ต้นตะไคร้หั่น ½ ถ้วยตวง
พริกป่น1 ช้อนโต๊ะ
ขมิ้น 1 ช้อนชา
น้ำ 5 ถ้วยตวง
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
หอมแดง 2 หัวครึ่ง
แป้งข้าวเจ้า ผสมน้ำ ½ ถ้วยตวง
เนื้อปลาดุก 1 ½ ถ้วยตวง
เส้นก๋วยเตี๋ยวพม่า ¼ กิโลกรัม
ไข่ต้มสุก 2 ฟอง
ต้นหอมสับ ผักชีซอย 2 ช้อนโต๊ะ
ถั่วเขียวสุกสับ ½ ถ้วยตวง
มะระทอด ½ ถ้วยตวง

ขั้นตอน :
1.ตั้งน้ำมันในกระทะขนาดใหญ่ ใส่หัวหอมขูด กระเทียม ขิง ตะไคร้ พริก และผงขมิ้น ผัดจน หอม
2.เติมน้ำ น้ำปลา หัวหอมหั่นสี่ส่วน และผสมแป้งข้าวเจ้า คนตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เป็นก้อน เมื่อเดือด คนอีก 20 นาที
3 ตัดปลาเป็นชิ้นแล้วใส่ลงในน้ำแกง คนอีก 10 นาที
4.ต้มเส้นหมี่ 5 นาที จนนุ่ม แล้วสงน้ำออก
5 เสิร์ฟ หมี่แต่ละชามราดด้วยน้ำซุป โรยด้วยผักชี

พุดดิ้งข้าวผลไม้:สูตรอาหารลาว หรือ ชาวลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง



  พุดดิ้งข้าวผลไม้:สูตรอาหารลา หรือ ชาวลุ่มแม่น้ำโขงตอนล่าง ชาวลาวเค้าก็ทานพุดดิ้งผลไม้เหมือนกันนะคะ เป็นพุดดิ้งข้าวใส่กับผลไม้ ซึ่งถ้าใครคิดว่าทานลำบากหรือไม่เข้ากันละก็ คิดผิดแล้วคะ เพราะ รสชาติมันเข้ากันมากแบบ อร่อยเหาะ อย่าบอกใครเลยคะ  รสชาติความเป็นเอกลักษณ์ที่ผสานความหวาน หอม อมเปรี้ยวของผลไม้หลายๆชนิดเข้าด้วยกันกับข้าวหอมๆนิ่มๆ แค่คิดก็น่าทานมากแล้วค่ะ วันนี้เรามีสูตรและวิธีการทำมาให้เพื่อนๆลองลงมือทำกันดูนะคะ

พุดดิ้งข้าวผลไม้

พุดดิ้งข้าวผลไม้

ส่วนประกอบ :
ข้าวกล้องหุงสุก 1 ½ ถ้วยตวง
นมพร่องมันเนย 1 ถ้วยตวง
กล้วยสุกหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง
ผลไม้กระป๋องหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง
น้ำ ¼ ถ้วย            
น้ำผึ้ง2 ช้อนโต๊ะ
วานิลา 1 ช้อนชา
อบเชย ½ ช้อนชา
ลูกจันทน์เทศ ½ ช้อนชา

พุดดิ้งข้าวผลไม้2
ขั้นตอน :
1.ผสมกล้วยและผลไม้กระป๋องหั่น น้ำ น้ำผึ้ง วานิลา อบเชย และลูกจันทน์เทศ ลงในหม้อ นำไปต้มให้เดือด
2.เมื่อทุกอย่างเปื่อยดี  ใส่ข้าวและนม คนให้เข้ากัน นำไปต้มและเคี่ยว 10 นาทีจนงวด เสิร์ฟร้อนๆ


วันอังคารที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

กล้วยบวชชี



สูตรขนมหวานไทย : กล้วยบวดชี

กล้วยบวชชี3

SAMSUNG

      กล้วย นอกจากจะมีประโยชน์มากมายแลว ยังสามารถนำมาประยุกตร์ทำอาหารได้หลากหลายอีกด้วยค่ะ เช่น เมนูวันนี้ที่จะนำมาฝากกันค่ะ เป็นเมนูของหวาน เอาใจคนชอบกล้วย นั่นก็คือกล้วยบวชชี นั่นเองค่ะ มาดูสูตรกันเลยค่ะ

     เครื่องปรุง + ส่วนผสม
* กล้วยน้ำว้า 8 ลูก (เลือกห่ามๆ ไม่สุกมาก)
* หัวกะทิ 450 มิลลิลิตร
* หางกะทิ 500 มิลลิลิตร
* ใบเตย 2 ใบ
* น้ำตาลปี๊บ 40 กรัม
* น้ำตาลทรายขาว 40 กรัม
* เกลือ

กล้วยบวชชี

    วิธีทำขนมไทย ทีละขั้นตอน

1. นำกล้วยไปนึ่งในน้ำเดือดประมาณ 3-5 นาที หรือนึ่งจนกระทั่งผิวกล้วยเริ่มแตกออก จึงปิดไฟและนำออกมาปอกเปลือกและหั่นครึ่งลูก จากนั้นจึงหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ
2. นำหางกะทิไปต้มในหม้อและใส่ใบเตยลงไปด้วย เมื่อเดือดแล้วจึงใส่กล้วยที่หั่นไว้แล้วลงไป ตามด้วยน้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทรายขาวและเกลือนิดหน่อย
3. เมื่อกะทิเริ่มเดือดอีกครั้งจึงใส่หัวกะทิลงไป และปล่อยทิ้งไว้ให้เดือดอีกประมาณ 3 นาที ถ้าต้องการให้น้ำข้นเหนียวก็ให้ใส่แป้งมันลงไปประมาณ 1 ช้อนชาและคนให้ละลายทั่ว
4. อย่าต้มนานจนเกินไปเพราะจะทำให้กล้วยเละ กล้วยควรจะยังแข็งนิดหน่อย จากนั้นตักใส่จานและเสริฟทันที


สูตรการทำกะทิ:สูตรทำอาหารไทยที่ทำจากกะทิ



     เนื้อมะพร้าวมักไม่ค่อยนิยมใช้ในการประกอบอาหาร ยกเว้นแต่นำไปทำขนมหวานหรือไม่ก็เพื่อตกแต่งอาหารให้น่ารับประทาน แต่น้ำกะทิที่ได้จากมะพร้าว (ไม่ใช่น้ำมะพร้าว) ถือเป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่สำคัญที่สุดในการประกอบอาหารไทย กะทิมักจะใช้ในการประกอบอาหารประเภทแกงต่างๆ, อาหารประเภทผัด (เช่น ผัดพริกแกง)และต้ม (เช่น ต้มข่าไก่)ในบางครั้งก็มีการใส่กะทิด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นก็ยังนิยมนำกะทิไปทำขนมไทยหลายๆประเภทอีกด้วย ความหวานของน้ำกะทิเป็นการผสมผสานของกลิ่นที่หอมหวนและรสหวานที่ไม่เหมือนน้ำตาลปกติ ในท้องตลาดทั่วไป กะทิสามารถหาซื้อได้ทั้งในรูปแบบน้ำและแบบผง สำหรับกะทิสดนั้นได้มาจากเนื้อมะพร้าว โดยนำเนื้อมะพร้าวไปบดให้ละเอียดโดยเครื่องปั่นอเนกประสงค์ไฟฟ้า และนำมาคั้นเอาน้ำออกจากเนื้อมะพร้าว 

ร้านที่3

     ขั้นตอนการทำน้ำกะทิ 750 มิลลิลิตร ต้องมีเนื้อมะพร้าวซึ่งบดละเอียดแล้วในปริมาณ 500 กรัม จากนั้นใส่น้ำอุ่น 500 มิลลิลิตรลงไปเนื้อมะพร้าวบดละเอียด แล้วจึงนำไปบีบและขยำด้วยมือประมาณ 10 นาที หรือนานกว่านี้เพื่อให้ได้ปริมาณกะทิที่เพิ่มมากขึ้น เมื่อน้ำกับเนื้อมะพร้าวผสมเข้ากันดีแล้ว จึงเทใส่ผ้าขาวบาง และบีบแยกเอาน้ำกะทิออกจากเนื้อมะพร้าว จากนั้นให้วางน้ำที่คั้นได้ไว้นิ่งๆประมาณ 10 นาที หัวกะทิและหางกะทิจะแยกตัวเป็นชั้นออกจากกัน สำหรับหัวกะทินั้นจะมีความมัน และข้นมากกว่าหางกะทิ

ร้านที่3.4

     สำหรับกะทิสำเร็จรูปที่อยู่บรรจุอยู่ในกระป๋องนั้น ต้องเขย่ากระป๋องสักพักก่อนที่จะเปิดใช้งาน สำหรับวิธีแยกหัวและหางกะทิที่ง่ายไม่ลำบากอีกวิธีหนึ่งก็คือนำน้ำกะทิไปแช่ในช่องแช่แข็งประมาณ 10 นาที ก็จะได้ชั้นของหัวและหางกะทิที่แยกออกจากกันอย่างชัดเจน สำหรับกะทิสำเร็จรูปในท้องตลาดนั้น ปัจจุบันสามารถหาซื้อกะทิชนิดผง โดยนำมาผสมน้ำในอัตราส่วนที่กำหนด ก็สามารถใช้แทนกะทิสดได้อย่างดี

ร้านที่3.2

   ในท้องตลาดโดยทั่วไปสามารถหาซื้อกะทิได้หลายรูปแบบ ซึ่งมีคุณลักษณะที่เหมาะในการประกอบอาหารที่ต่างกัน ได้แก่
     กะทิที่ได้จากเนื้อมะพร้าวที่ไม่ได้เอาผิวออกก่อนบดให้ละเอียด ( Coconut Milk from Unskinned Grated Coconut ) : กะทิชนิดนี้เหมาะสำหรับการประกอบอาหารประเภทแกง สีของน้ำกะทิที่ได้จากเนื้อมะพร้าวที่ไม่ได้เอาผิวสีน้ำตาลออกจะส่งผลให้มีสีออกครีม (ไม่ขาวเหมือนน้ำนม) กะทิชนิดนี้จึงไม่เหมาะสำหรับอาหารที่ต้องควบคุมสี ในส่วนของรูปลักษณ์ภายนอกของอาหารจานนั้นๆ (เพราะสีไม่สวย ไม่ขาวสะอาด พอใส่ลงไปในอาหารจะทำให้สีหม่นลง) ด้วยเหตุนี้กะทิที่ได้นี้จึงเหมาะแก่การนำไปใส่ในแกงต่างๆมากกว่า

ร้านที่3.1

     กะทิที่ได้จากเนื้อมะพร้าวที่ผ่านการเอาผิวออกก่อนบดให้ละเอียด ( Coconut Milk from White Grated Coconut ) น้ำกะทิที่ได้จะเป็นสีขาวสะอาด ซึ่งเหมาะสำหรับการนำไปทำขนมหวานประเภทต่างๆ ส่งผลให้รูปลักษณ์ สีสันของขนมดูสวย เนียน สะอาด น่ารับประทาน อย่างไรก็ดี สำหรับน้ำกะทิที่ได้จากเนื้อมะพร้าวที่ผ่านการเอาผิวออกและน้ำกะทิที่ได้จากการไม่เอาเนื้อมะพร้าวออก ในเรื่องของรสชาติ ความเข้มข้นและความหอมแล้ว น้ำกะทิทั้งสองชนิดก็มิได้ต่างกันแต่อย่างใด จะต่างกันเฉพาะสีของน้ำกะทิเท่านั้น  


สปาเกตตีผัดขี้เมาทะเล



สูตรอาหารไทย : สปาเกตตีผัดขี้เมาทะเล

[ STIR FRIED SPICY SPAGHETTI WITH SEAFOOD ]

ร้านที่2.4

ร้านที่2
    
    เครื่องปรุง + ส่วนผสม

* อาหารทะเล 400 กรัม
   (กุ้ง, เนื้อปลา, หอยแมลงภู่, ปลาหมึก, อื่นๆ)   
* เส้นสปาเกตตีลวกน้ำร้อน 400 กรัม
* กระเทียมสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
* ซิอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
* น้ำตาล 1/2 ช้อนชา
* พริกไทย 1/4 ช้อนชา
* พริกชี้ฟ้าแดง+เขียวหั่นหยาบ 3 เม็ด
   (ปรับเพิ่ม/ลด ตามความชอบ
   ถ้าชอบรสจัดอาจใส่พริกขี้หนูเพิ่มได้)
* ข้าวโพดอ่อนหั่น 50 กรัม
* ใบกะเพรา 1/2 ถ้วยตวง
* น้ำมันพืชสำหรับผัด

   วิธีทำทีละขั้นตอน

1. ทำความสะอาดของทะเลที่เตรียมไว้ ถ้ามีเนื้อปลาและปลาหมึกต้องหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ กรณีหอยแมลงภู่ควรนำไปลวกในน้ำร้อนก่อน
2. ตั้งน้ำมันในกระทะบนไฟร้อนปานกลาง ใส่กระเทียมลงไปผัดจนเหลืองหอม (ถ้าชอบรสจัดใส่พริกขี้หนูลงไปผัดพร้อมกระเทียมด้วยก็ได้) จากนั้นใส่ของทะเลที่เตรียมไว้ลงไปผัดจนเกือบสุก
3. ใส่เส้นสปาเกตตีที่ลวกน้ำเตรียมไว้และข้าวโพดอ่อนลงไปผัด ปรุงรสด้วยซิอิ๊วขาว, น้ำปลา, พริกไทยและน้ำตาล จากนั้นจึงใส่ใบกะเพราและพริกชี้ฟ้าลงไป เร่งไฟให้แรงขึ้น ผัดจนส่วนผสมทุกอย่างเข้ากันดี ปิดไฟ
4. ตักใส่จาน เสริฟทันทีขณะร้อนๆ

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

หอยนางรมทอด




       หอยนางรมทอด
    เมนูนี้ท่านสามารถหาซื้อทานได้ทั่วไปเทบทุกเมืองในของไต้หวันค่ะ   หอยทอดที่นี่จะต่างจากบ้านเราตรงที่ไม่มีหอยแมลงภู่แต่ใช้หอยนางรมแทน   ตัวผักเขาก็ไม่มีถั่วงอกแต่ใช้ผักกาดหอมแทน  ส่วนสุดท้ายตัวน้ำจิ้มที่นี่ก็ต่างจากบ้านเราคับน้ำจิ้มที่นี่ประมาณน้ำจิ้มข้าวหมูแดงบ้านเราค่ะ
1372081084

  เครื่องปรุง หอยนางรมทอด รสเด็ด

หอยนางรม                                   1     ถ้วย

แป้งมันเทศ                                   1     ถ้วย

แป้งสาลี                                        1/2     ถ้วย

น้ำ                                                  1  1/2    ถ้วย

ไข่เป็ด                                            6      ฟอง

กระเทียมเจียว                                 6      ช้อนโต๊ะ

ต้นหอนหั่นเป็นท่อน 1 นิ้ว                   4     ต้น

ผักชีเด็ดเป็นใบ                                  1/4      ถ้วย

พริกไทยป่น                                        1     ช้อนโต๊ะ

น้ำปลาหรือซีอิ๊วขาว                           4      ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย                                       2      ช้อนโต๊ะ

น้ำส้มสายชู                                         1/4     ถ้วย

พริกชี้ฟ้าแดง                                       3     เม็ด

น้ำมันสำหรับทอด       

  วิธีทำ หอยนางรมทอด รสเด็ด (สำหรับ 6 ที่)

1.ผสมแป้งมันกับแป้งสาลีเข้าด้วยกัน ใส่น้ำคนให้เข้ากันแบ่งออกเป็น 6 ส่วน และแบ่งหอยนางรมออกเป็น 6 ส่วนใส่ลงในแป้งแต่ละส่วน

2.ใส่น้ำมันลงในกระทะแบน 1/4 ถ้วย พอกระทะร้อนใส่กระเทียมเจียว 1 ช้อนโต๊ะ

3.ใส่หอยที่ผสมลงในกระทะ 1 ส่วน ทอดพอเหลือง หลังจากนั้น ตอกไข่ใส่ 1 ฟอง แล้วเกลี่ยให้ทั่วแผ่นแป้ง พอข้างล่างเหลืองกรอบ พลิกกลับทอดอีกด้านให้เหลืองกรอบเช่นกัน หลังจากนั้น ตัดเป็นชิ้นๆ ปรุงรสด้วย น้ำปลาหรือ ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ  น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา แล้วใส่ถั่วงอกที่ล้างสะอาดแล้ว 1/2 ถ้วยลงไป  ตักใส่จานเสริฟ โรยหน้าด้วย พริกไทยป่น ต้นหอม และผักชี กินกับน้ำจิ้มหรือซอสพริกศรีราชา

  วิธีทำ น้ำจิ้ม หอยนางรมทอด

   ตำพริกให้ละเอียดผสมกับน้ำส้มสายชูตั้งไฟพอเดือด ยกลง  เป็นอันเสร็จ ง่ายมากๆ

สูตรทำเต้าหู้เหม็น อาหารสุดโปรดของชาวไต้หวัน




เต้าหู้เหม็น
แม้ชื่อของอาหารยอดฮิตชนิดนี้อาจจะฟังดูไม่น่ากินสักเท่าไหร่   แต่หากคุณได้ซื้อมาลองสักชุดแล้วจะติดใจ    เต้าหู้เหม็นของที่นี่ไม่เหม็นเหมือนที่เมืองจีนคับ  คนไต้หวันมีคำกล่าวไว้ว่า  "มาถึงไต้หวันแล้วไม่ได้กินเต้าหู้เหม็น   ก็เปรียบว่ามาไม่ถึงไต้หวัน
ก่อนเราจะมาดูวิธีทำ และ ปรุง เต้าหู้เหม็น เรามาดทำความรู้จักกับประวัติการกำเนิดของมันกันเถอะ
ประวัติการกำเนิดของ เต้าหู้เหม็น:
รัชสมัยสมเด็จพระจักรพรรดิคังซี  (ค.ศ. 1661-1772) มีบัณฑิตชื่อ หวังจื้อเหอ เข้ามาสอบจอหงวนที่ปักกิ่ง แต่สอบไม่ได้ จึงได้หาเลี้ยงชีพด้วยการทำเต้าหู้ขาย จนกระทั่งเมื่อถึงวันหนึ่งในฤดูร้อนปีหนึ่ง เต้าหู้เกิดขายไม่หมดขึ้นมา ด้วยความเสียดาย เขาจึงหั่นเต้าหู้เป็นชิ้นเล็กๆ โรยเกลือและชวงเจีย(พริกหอม) แล้วจึงเก็บไว้ในไห เมื่อเวลาผ่านไปนาน หวังจื้อเหอนึกถึงเต้าหู้ที่เก็บไว้ในไหขึ้นได้ จึงลองนำออกมาดู พบว่าเต้าหู้มีกลิ่นเหม็นมากและเปลี่ยนเป็นสีเทาเขียว แต่พอลองชิมดูก็พบว่ามีรสชาติดี จึงได้ลองนำไปขายที่ตลาด ปรากฎว่าเป็นที่ชื่นชอบของทุกคน
ครั้งหนึ่งซูสีไทเฮา (ช่วงเป็นไทเฮา ค.ศ. 1861-1881) มีพระอาการเบื่อพระกระยาหาร บรรดาข้าราชบริพารก็พยายามทำทุกทางให้พระองค์เสวย จนได้มีผู้หนึ่งนำ เต้าหู้เหม็น มาจัดเรียงในภาชนะสวยงามและนำมาถวายแด่ซูสีไทเฮา พระองค์ได้ลองชิมและรับสั่งว่ามีรสชาติดีมาก ตั้งแต่นั้นมาเต้าหู้เหม็นจึงถูกบรรจุเป็นเครื่องเสวยของราชสำนักจีน ในตอนนั้นได้เปลี่ยนชื่อเป็น ชิงฟัง แปลว่า จัตุรัสเขียว แต่ชื่อนี้ก็ไม่เป็นที่นิยมเท่าชื่อ เต้าหู้เหม็น เดิม
วิธีทำ เต้าหู้เหม็น:
  1. เต้าหู้นิ่ม 2 ก้อน นำมาล้างด้วยน้ำสะอาด ไม่ควรใช้น้ำประปาล้างเพราะอาจทำให้ปนเปื้อนจุลินซีที่ไม่เป็นประโยชน์ ถ้าใช้น้ำประปาควรต้มให้เดือดแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นก่อน
  2. หั่นออกเป็นสี่เหลี่ยมเล็ก
  3. ใส่ในภาชนะแล้วคลุมให้มิดด้วยผ้าสะอาด ไม่ควรใช้ภาชนะที่ปิดสนิท
  4. วางไว้ในที่ที่แสงแดดส่องถึง
  5. ทิ้งไว้ 4 – 5 วัน เมื่อเปิดดู จะเห็นเชื้อราเขียวๆเหลืองขึ้นเป็นเส้นๆเต็มไปหมด อากาศยิ่งร้อนจะยิ่งมีมาก บางคนที่ต้องการให้มีราขึ้นมากๆ ก็ทิ้งไว้นานหน่อย
  6. เอาเต้าหู้ที่ขึ้นราเหล่านั้น ใส่ขวดโหล หรือไหใบเล็ก โรยด้วยเกลือให้ทั่ว จะใส่ชวงเจีย (พริกหอม)ด้วยก็ได้ ชวงเจียนี้หาซื้อง่ายตามร้านขายยาจีนแผนโบราณ หรือซุปเปอร์มาเก็ตทั่วไป ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ประมาณ 1 เดือนก็นำมาปรุงอาหารได้ ยิ่งทิ้งไว้นานยิ่งดี
เต้าหู้เหม็น (CR: haaretz)
เต้าหู้เหม็นสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายแบบ ที่นิยมกันมาก คือ นำมาทอด เรามาดูวิธีปรุงเต้าหู้เหม็นทอดกันเลย
วิธีทำ เต้าหู้เหม็นทอด:
ของที่เตรียมมีดังนี้:
  1. เต้าหู้เหม็น 3 ชิ้น (สี่เหลี่ยมเล็ก)
  2. เหล้าขาว 3 ช้อนโต๊ะ อาจมากกว่านั้นได้นิดหน่อย
  3. น้ำเปล่า 1 ถ้วย
  4. เต้าหู้ชนิดแข็ง จำนานชิ้นแล้วแต่ต้องการ
  5. ต้นหอมซอย ผักชี แป้งทอดกรอบสำหรับใช้ชุบทอด
วิธีทำ:
  1. ละลายเต้าหู้เหม็นในน้ำ และ เหล้าขาว (ตอนนี้ท่านอาจจะต้องหาอะไรมาอุดจมูกก็ได้นะ เพราะเหม็นสุดยอด)
  2. นำเต้าหู้แข็งลงไปแช่ในน้ำละลายเต้าหู้เหม็นในข้อหนึ่งจนท่วม แช่ทิ้งไว้ย่างนั้นอย่างน้อย 1 วัน หรือมากกว่านั้นก็ได้ จะทำให้มีรสชาติดียิ่งขึ้น
  3. หลังจาก 1 วันแล้ว นำเต้าหู้แข็งที่แช่ขึ้นมา ชุบในแป้งทอดกรอบจนเหลืองกรอบ โรยด้วยผักชีต้นหอมซอยละเอียด
เต้าหู้เหม็นทอด (CR: wikipedia)
รับรองว่าทาน เต้าหู้เหม็น แล้วจะติดใจ  ที่ว่าเหม็นๆ น่ะลืมไปเลย
เชื้อราในเต้าหู้หรือเต้าเจี้ยวมีประโยชน์ต่อร่างกาย อุดมด้วยโปรตีน  อุดมด้วยโปรตีน  โพแทสเซียม ช่วยในการเจริญเติบโตของกระดูก มีธาตุเหล็กช่วยบำรุงโลหิต และมีวิตามินเอ บี1 บี2 ดี อี เค และไนอะซีน
บ้านเราก็มีของเหม็นแต่อร่อยมากเหมือนกัน เช่น ปลาร้า และกะปิ

ไก่ทอด Hotstar ไต้หวัน




ไก่ทอด Hotstar 
   เมนูอาหารยอดฮิตอันดับ 1 ตกเป็นของไก่ทอดแบรนด์ Hot Starแบรนด์ไก่ทอดยอดนิยมของชาวไต้หวันที่มีสาขาทุกมุมเมืองน้องๆ KFC เลยทีเดียว จุดขายของไก่ทอด Hot Star คือ ไก่ทอดชิ้นใหญ่มากๆ..แผ่นละ 60 NTคุ้มค่าคุ้มราคาชิ้นเดียวอิ่มค่ะ
 ฮอตสตาร์’ (Hot Star Large Fried Chicken) ไก่ทอดแบรนด์ดังจากไต้หวัน หลังจากที่ฮอตสตาร์ได้ทำการเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่บริเวณฟู๊ดคอร์ท ชั้น B ศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ (EmQuartier) 
   ซึ่งดูเหมือนกระแสตอบรับเจ้าไก่ทอดไต้หวันแบรนด์นี้จะดีไม่ใช่เล่น และการจำกัดให้ซื้อเจ้าไก้ไซส์ยักษ์ได้ไม่เกินคนละ 3 ชิ้นเท่านั้น ก็ตัดใจไปละ 
ไก่ไก่2
    เมนูของสาขาประเทศไทยยังถือว่าไม่เยอะมากค่ะ แต่ชื่อเรียกจะไม่เหมือนกัน เมนูที่หายไปคือตัวสลัด ส่วนที่เพิ่มมาคือน้ำต่างๆ ค่ะ
  1. Hot-Star Chicken XXL (Original, Spicy) ฮ็อตสตาร์ชิคเก้น XXL รสต้นตำรับ, รสสไปซี่ ราคา 139 บาท/ชิ้น
  2. Hot-Star Chicken Bites (Original, Spicy) ฮ็อตสตาร์ชิคเก้นไบต์ รสต้นตำรับ, รสสไปซี่ ราคา 69 บาท
  3. Q Q Squid (Original, Spicy) หมึกทอดคิวคิว รสต้นตำรับ, รสสไปซี่ ราคา 79 บาท
  4. Shilin Squid หมึกผัดพริกเกลือซื่อหลิน (รสเผ็ด) ราคา 89 บาท
  5. Hot Star Lemonade ฮ็อตสตาร์เลมอนเนด ราคา 49 บาท
  6. Strawberry Lemonade สตรอเบอร์รี่เลมอนเนด ราคา 49 บาท
  7. Plum Lemonade พลัมเลมอนเนด ราคา 49 บาท
  8. Winter Melon Jelly Iced Tea วินเทอร์เมลอนเจลลี่ไอซ์ที ราคา 55 บาท
   ในส่วนของรสชาติถือว่าใกล้เคียงกับที่ไต้หวันค่ะ ทั้งเนื้อแป้งและรสชาติของผงเครื่องเทศที่โรยบนเนื้อไก่ อาจจะแตกต่างกันที่เนื้อไก่ของไทยจะเนื้อแน่นๆ แล้วก็ไม่ค่อยชุ่มฉ่ำเหมือนไก่ไต้หวัน 
ไก่4
   สำหรับเมนู ไทยถือว่ามีเมนูน้อยกว่าไต้หวันพอสมควร (น้อยกว่าแฟรนไชส์สาขาในสิงคโปร์ด้วยเช่นกัน)  แต่กลับกัน เราก็มีเมนูที่ทางไต้หวันไม่มีค่ะ อย่างตัวหมึกทอดทั้งสองเมนู เราไม่เห็นที่สาขาซื่อหลินและสาขาซีเหมินติงค่ะ ยิ่งสาขาซื่อหลินจะมีแค่ไก่ทอดชิ้นใหญ่ด้วยซ้ำไป แต่สาขาซีเหมินติงจะมีพวกลูกชิ้นทอด เห็ดทอด กับเมนูอื่นรวมๆ กันราว 7-8 เมนูได้ (ไม่รวมเมนูเครื่องดื่มที่ทำเป็นร้านแยกออกมาเลย)
ไก่4